ชีวิตสะเพร่า
วิถีชีวิตของผู้คนในปัจจุบันมักดำเนินไปโดยขาดความรู้สึกตัวจึงมักกลายเป็นเรื่อง ... ฉาบฉวย สะเพร่า ตื้นเขินและไร้แก่นสาร
จริงหรือไม่ที่ เรามักจะอ่านบอร์ด นิทรรศการ หรือหนังสือ สักเล่มให้ผ่านข้อความทั้งหลายไปอย่างรีบร้อนราวกับจะเร่งให้มันจบเร็วๆ โดยไม่มีเวลาจะชื่นชม และซึมซาบกับสารัตถะของมันได้อย่างเพียงพอจริงหรือเปล่า
ที่เมื่อเราเข้าไปทำหน้าที่นักศึกษาในห้องเรียน ความยินดีของเราไม่ได้อยู่ที่การเปิดสมุดขึ้นเมื่อต้นชั่วโมงสอน หากแต่อยู่ที่ การได้ปิดสมุดลง เมื่อหมดชั่วโมงเรียน
ความรู้อันหลากหลาย ที่อาจารย์ยัดเยียดให้ไม่ใช่สิ่งที่เราชื่นชม หากแต่คือ ภาระของเรา เมื่อเวลาปลายเทอมกรายมาถึง
เราไม่ต้องการเรียนรู้อะไรเยอะๆ
แต่เราอยากได้คะแนนเยอะๆ
เราไม่ได้ต้องการความรู้
เราต้องการแต่เพียง
....สอบผ่าน....จนได้ปริญญา
เราไม่ต้องการสาระ เราต้องการเพียง
เครื่องหมายรับประกันคุณภาพ ว่าเรามีสาระ.....เท่านั้น
เราเป็นคนหนึ่งกับเขาด้วยหรือเปล่า
ที่ไม่มีเวลาให้กับการสัมผัสคุณค่าอันยิงใหญ่ของชีวิต
เพราะต้องใช้เวลาของชีวิตให้กับการดิ้นรน
แสวงหาคุณค่ามายาทางสังคม
ชื่อเสียง เกียรติภูมิ เงินทอง หน้าตา ค่านิยม
และแล้ว เราก็พบกับความฉุกละหุก เร่งรีบ เหน็ดเหนื่อยอ่อนล้า
ในการวิ่งไล่ไขว้คว้าคุณค่าเหล่านั้น
หวาดกลัวว่าจะไม่ได้การยอมรับจากสังคม
จากคนรอบข้างและจากตัวเอง
ยะโส โอหัง เมื่อได้ครอบครองคุณค่านั้นสมประสงค์
แล้ววางอำนาจข่มขู่ ผู้ที่ไม่อาจมีเหมือนเรา ถ้าเราไม่ระวังตัว
เราจะค่อยๆกลายเป็นคนพิการมืดบอด
ต่อคุณค่าอันแท้จริงของชีวิต...มากขึ้นทุกที
วิถีชีวิตของผู้คนในปัจจุบันมักดำเนินไปโดยขาดความรู้สึกตัวจึงมักกลายเป็นเรื่อง ... ฉาบฉวย สะเพร่า ตื้นเขินและไร้แก่นสาร
จริงหรือไม่ที่ เรามักจะอ่านบอร์ด นิทรรศการ หรือหนังสือ สักเล่มให้ผ่านข้อความทั้งหลายไปอย่างรีบร้อนราวกับจะเร่งให้มันจบเร็วๆ โดยไม่มีเวลาจะชื่นชม และซึมซาบกับสารัตถะของมันได้อย่างเพียงพอจริงหรือเปล่า
ที่เมื่อเราเข้าไปทำหน้าที่นักศึกษาในห้องเรียน ความยินดีของเราไม่ได้อยู่ที่การเปิดสมุดขึ้นเมื่อต้นชั่วโมงสอน หากแต่อยู่ที่ การได้ปิดสมุดลง เมื่อหมดชั่วโมงเรียน
ความรู้อันหลากหลาย ที่อาจารย์ยัดเยียดให้ไม่ใช่สิ่งที่เราชื่นชม หากแต่คือ ภาระของเรา เมื่อเวลาปลายเทอมกรายมาถึง
เราไม่ต้องการเรียนรู้อะไรเยอะๆ
แต่เราอยากได้คะแนนเยอะๆ
เราไม่ได้ต้องการความรู้
เราต้องการแต่เพียง
....สอบผ่าน....จนได้ปริญญา
เราไม่ต้องการสาระ เราต้องการเพียง
เครื่องหมายรับประกันคุณภาพ ว่าเรามีสาระ.....เท่านั้น
เราเป็นคนหนึ่งกับเขาด้วยหรือเปล่า
ที่ไม่มีเวลาให้กับการสัมผัสคุณค่าอันยิงใหญ่ของชีวิต
เพราะต้องใช้เวลาของชีวิตให้กับการดิ้นรน
แสวงหาคุณค่ามายาทางสังคม
ชื่อเสียง เกียรติภูมิ เงินทอง หน้าตา ค่านิยม
และแล้ว เราก็พบกับความฉุกละหุก เร่งรีบ เหน็ดเหนื่อยอ่อนล้า
ในการวิ่งไล่ไขว้คว้าคุณค่าเหล่านั้น
หวาดกลัวว่าจะไม่ได้การยอมรับจากสังคม
จากคนรอบข้างและจากตัวเอง
ยะโส โอหัง เมื่อได้ครอบครองคุณค่านั้นสมประสงค์
แล้ววางอำนาจข่มขู่ ผู้ที่ไม่อาจมีเหมือนเรา ถ้าเราไม่ระวังตัว
เราจะค่อยๆกลายเป็นคนพิการมืดบอด
ต่อคุณค่าอันแท้จริงของชีวิต...มากขึ้นทุกที
0 ความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น